นายแพทย์วีระศักดิ์  ศรีชวนชื่นสกุล บริจาค เครื่องมือผ่าตัด ไซนัสและโพรงจมูก  มูลค่า 100,000 บาท  

(9-7-2564) นายแพทย์วีระศักดิ์  ศรีชวนชื่นสกุล อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระยุพราชเดชอุดม  จังหวัดอุบลราชธานี  บริจาค เครื่องมือผ่าตัด ไซนัสและโพรงจมูก  มูลค่า 100,000 บาท  ให้แก่ห้องผ่าตัดโรงพยาบาล  เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน และเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของท่าน โดยมีนายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม เป็นผู้รับมอบในครั้งนี้

ซึ่งคณะผู้บริหาร และบุคลากรทุกคน ขอขอบพระคุณนายแพทย์วีระศักดิ์  ศรีชวนชื่นสกุล และครอบครัว ที่มีจิตอันเป็นกุศลร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลมหาสารคาม พร้อมกันนี้ ขออ้างอิงถึงอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย กุศลทานบริจาคในครั้งนี้ จงบันดาลให้ผู้บริจาค และครอบครัว ประสบสรรพสิริสวัสดิ พิพัฒนมงคล ประสงค์สิ่งใดจงสัมฤทธิ์ผล และมีความเจริญก้าวหน้า สมดังปรารถนาทุกประการ

 

โรงพยาบาลมหาสารคาม  ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ นายองอาจ กองทอง  พนักงานรักษาความปลอดภัย  เพื่อไว้อาลัย และแสดงความเสียใจ  ต่อการสูญเสียบุคลากร

(7-7-2564)  ที่สุสานบ้านหนองแวง ตำบลอิตื้อ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์   นางกันตา คำพอ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลมหาสารคาม พร้อมด้วยคณะบุคลากร ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ นายองอาจ กองทอง  พนักงานรักษาความปลอดภัย  โรงพยาบาลมหาสารคาม  ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะเดินทางมาปฏิบัติงาน เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564  ที่ผ่าน  โดยคณะผู้บริหาร และบุคลากรทุกคน ขอแสดงความอาลัย และความเสียใจ ต่อครอบครัวอย่างสุดซึ้ง

สรุปผลการตรวจราชการกรณีปกติ รอบที่ 2/2564 ณ โรงพยาบาลมหาสารคาม

รพ.มหาสารคาม ต้อนรับ นพ.อุดม  ภู่วโรดม สาธารณสุขนิเทศก์  เขตสุขภาพที่ 7 พร้อมคณะตรวจราชการและนิเทศงาน

ที่ห้องประชุมตักสิลา ชั้น 4  โรงพยาบาลมหาสารคาม นายภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม  นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลมหาสารคาม และบุคลากร ร่วมต้อนรับ นพ.อุดม  ภู่วโรดม สาธารณสุขนิเทศก์  เขตสุขภาพที่ 7 พร้อมคณะตรวจราชการและนิเทศงาน เนื่องในโอกาสตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขและนิเทศงานกรณีปกติ รอบที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2564 เขตสุขภาพที่ 7 จังหวัดมหาสารคาม   ในระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2564

โดยวันนี้ (2 กค.64) เป็นการนำเสนอบรรยายสรุปผลการดำเนินงานภาพรวมของจังหวัด ตามนโยบายเร่งรัดของกระทรวงสาธารณสุข ประเด็น Agenda Based , Functional Based , Area Based และประเด็น Innovative Health Care ตามแผนการตรวจราชการ

คุณภาวินี ศุภบรรพต บริจาคเงิน 100,000 บาท แก่โรงพยาบาลมหาสารคาม และบริจาคเงิน 20,000 บาท แก่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองสามัคคี เพื่ออุทิศให้แด่ เปโตรสมชาย ศุภบรรพต (ร้านกันเอง)

คุณภาวินี ศุภบรรพต บริจาคเงิน 100,000 บาท แก่โรงพยาบาลมหาสารคาม และบริจาคเงิน 20,000 บาท แก่ศูนย์สุขภาพเมืองสามัคคี เพื่ออุทิศให้แด่ เปโตรสมชาย ศุภบรรพต (ร้านกันเอง)

ที่วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ (โรงรียนพระกุมารมหาสารคาม)  คุณนุชจรินทร์ ทองโรจน์  พยาบาลวิชาชีพ​ชำนาญการพิเศษ  เป็นตัวแทนรับมอบเงินจำนวน 100,000 บาท  คุณภาวินี ศุภบรรพต  ที่มีจิตอันเป็นกุศลเพื่อสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลมหาสารคาม และอุทิศให้แด่ เปโตรสมชาย ศุภบรรพต  พร้อมกันนี้ยังได้มอบเงินจำนวน 20,000 บาท ให้แก่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองสามัคคี เครือข่ายโรงพยาบาลมหาสารคาม

 

 

หอผู้ป่วยอภิบาลผู้ป่วยหนัก จัดพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 7 รูป  เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี การก่อตั้ง โรงพยาบาลมหาสารคาม

(24-6-2564)  ที่หอผู้ป่วยอภิบาลผู้ป่วยหนัก ชั้น 3 อาคารบำบัด  โรงพยาบาลมหาสารคาม   แพทย์หญิงจรัญญา จุฬารี รองผู้อำนวยการด้านบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลมหาสารคาม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และบุคลากร ร่วมทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 7 รูป  เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี การก่อตั้ง โรงพยาบาลมหาสารคาม  โดยมี ดร.พระครูสารกิจประยุต (หลวงตากาบ) รองเจ้าคณะอำเภอเมืองมหาสารคาม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์  จากนั้นได้เทศนา และให้กำลังใจแก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานในช่วงวิกฤติจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

 

 

 

พิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม

พิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ประจำปี พ.ศ. 2563 และพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี พ.ศ.2558 และ 2563 สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม

สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม จัดพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ประจำปี พ.ศ. 2563 และพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี พ.ศ.2558 และ 2563 สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ณ ห้องประชุมตักสิถา ชั้น 4 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลมหาสารคาม โดยมีนายเกียรติศักด์  ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธี

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2563 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2563  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไปยังผู้ที่ได้รับพระราชทาน โดยไม่ต้องเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทาน โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ  จัดพิธีรับพระราชทาน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2563 มีผู้ได้รับจำนวน 36 ราย และรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์  8 ราย

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานชุด แก่โรงพยาบาลมหาสารคาม

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ (ชุด PAPR) จำนวน 6 เครื่อง ให้กับโรงพยาบาลมหาสารคาม

 

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ (ชุด PAPR) จำนวน 6 เครื่อง ให้กับโรงพยาบาลมหาสารคาม โดยมีนายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม พร้อมด้วย คณะเกรรมการบริหารและบุคลากร เข้าร่วมพิธีรับพระราชทาน ณ ห้องประชุมตักสิลา ชั้น 4 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลมหาสารคาม

 

สำหรับชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ หรือชุด PAPR (Powered Air Purifying Respirator) สำหรับปฏิบัติงานประจำห้องผ่าตัด เพื่อปกป้องคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ซึ่งโรงพยาบาลมหาสารคาม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นล้นพ้น ที่ทรงมีต่อบุคลากรทางการแพทย์   จากนี้โรงพยาบาลมหาสารคาม จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากชุดอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจแบบอากาศบริสุทธิ์ (ชุด PAPR) พระราชทาน ปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย ในช่วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ต่อไป

 

มหาสารคาม จัดกิจกรรม “วัคซีนคืนความเข้มแข็งให้มหาสารคาม”ปี 2564

มหาสารคาม จัดกิจกรรม “วัคซีนคืนความเข้มแข็งให้มหาสารคาม”ปี 2564  ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

 

ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดกิจกรรม “วัคซีนคืนความเข้มแข็งให้มหาสารคาม” ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีภูมิคุ้มกันต่อโรคอย่างพอเพียง และทั่วถึงทุกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย กลุ่มผู้สูงอายุ 60ปีขึ้นไป กลุ่มผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคทางเดินหายใจรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวาย โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด โรคเบาหวาน โรคอ้วน และกลุ่มอายุ18-59 ปี ที่มีความสมัครใจฉีดวัคซีนป้องกันโรค โดยใช้หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอเมืองมหาสารคามที่ลงทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” โดยมีนายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 และนายแพทย์อุดม ภู่วโรดม สาธารณสุขนิเทศ เขตสุขภาพที่ 7 พร้อมคณะ เข้าร่วมสังเกตการณ์ พร้อมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ปัญหาโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ถือเป็นโรคอุบัติใหม่เป็นโรคติดต่ออันตราย และเป็นปัญหาธารณสุขสำคัญที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิตที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งการใช้วัคซีนในการป้องกันโรค ควบคู่กับมาตรการการป้องกันอื่นๆ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างทางกายภาพ การรักษาสุขภาพอนามัยส่วนบุคคล เป็นสิ่งที่หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ต่างร่วมมือกันรณรงค์และขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน ซึ่งขอเน้นย้ำว่าการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาด พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น พร้อมมาตรการส่วนบุคคล ที่ยังคงต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก

 

ด้านนายแพทย์สาธารณสุข จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า กิจกรรม“วัคซีนคืนความเข้มแข็งให้มหาสารคาม” เป็นการบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อครั้งประวัติศาสตร์ของจังหวัดมหาสารคาม โดยไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ถือเป็นภัยสุขภาพที่ร้ายแรง ซึ่งล่าสุดประเทศไทยพบมีรายงานผู้ป่วย แพร่ระบาดในทุกจังหวัด โดยจังหวัดมหาสารคาม จากข้อมูลวันที่ 6 มิถุนายน 24564 มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสม 396 ราย รักษาหายแล้ว 341 ราย เสียชีวิตสะสม 4 ราย ดังนั้น หน่วยงานสาธารณสุขทุกแห่งของจังหวัดมหาสารคาม จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ขึ้น เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดมหาสารคามทุกคน มีภูมิคุ้มกันต่อโรคอย่างพอเพียงชาติ ที่จะลดการแพร่ระบาดและความรุนแรงได้

 

ขณะที่นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่า โรงพยาบาลมหาสารคาม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบบริการฉีดวัคซีป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอเมืองมหาสารคาม โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป กลุ่มผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค โรคทางเดินหายใจรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวาย โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด โรคเบาหวาน โรคอ้วน กลุ่มอายุ 18-59 ปี ที่มีความสมัครใจฉีดวัคซีนป้องกันโรค โดยมีประชาชนลงทะเบียนผ่านระบบ “หมอพร้อม” และได้รับการนัดหมายให้มาฉีดวันนี้

 

ทั้งนี้โรงพยาบาลมหาสารคาม ได้ระดมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนประชาชน เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน มีจุดพักคอยสังเกตอาการ จุดบริการให้คำปรึกษา และจุดนัดหมายในการฉีดวัคซีนเข็มสองครั้งอย่างเป็นสัดส่วน มีการเว้นระยะห่างตามมาตรการในการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยแต่ละจุดจะมีแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่คอยดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประชาชนทยอยเดินทางมารับการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง และไม่พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง ภายหลังการฉีดวัคซีน

 

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า การ ฉีดวัคซีป้องกันโควิด-19 ควบคู่กับมาตรการป้องกันส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่าง ทางกายภาพ การรักษาสุขภาพอนามัยส่วนบุคคล จะช่วยลดอัตราการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตรวมทั้งการลดค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยของภาครัฐ พร้อมกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว จึงขอเชิญประชาชนมาร่วมกันฉีดวัคซีป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ให้จังหวัดมหาสารคามแข็งแรง และประเทศไทยเดินหน้าต่อไป

รพ.มหาสารคาม ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC)

(31-05-64) ที่ห้องประชุมจัมปาศรี ชั้น 4 รพ.มหาสารคาม นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการ รพ.มหาสารคาม คณะแพทย์ผู้ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหาร รพ.มหาสารคาม และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) โรงพยาบาลมหาสารคาม เพื่อติดตามสถานการณ์การพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม และวางแผนการจัดการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ภายในหอผู้ป่วยเฉพาะโรค และโรงพยาบาลสนามริมห้วย และการบริหารจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่ประชาชนเขตพื้นที่ อ.เมืองมหาสารคาม ในเดือนมิถุนายน 2564 นี้ โดยใช้พื้นที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ส่งทีม 7 นักรบชุดขาว รพ.มหาสารคาม ปฏิบัติภารกิจ ณ โรงพยาบาลบุษราคัม

ส่งทีม 7 นักรบชุดขาว รพ.มหาสารคาม ปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด – 19 ณ โรงพยาบาลบุษราคัม พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีเมื่อเข้าสู่พื้นที่
นายแพทย์หัสชา เนือยทอง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม นายแพทย์สุดชาย เลยวานิชย์เจริญ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ คุณคนึงนิจ ศรีษะโคตร รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล พร้อมด้วยคณะผู้บริการและบุคลากร รพ.มหาสารคาม มอบขวัญกำลังใจแด่ 7 นักรบชุดขาว ซึ่งประกอบด้วย 1.นาย สถาพร ณ ราชสีมา นายแพทย์ ชำนาญการพิเศษ 2.นส. พิริยา ติยาภักดิ์ เภสัชกร ปฏิบัติการ 3.น.ส. นิศมา แสนศรี พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ 4.นาง อรวรรณ บุรีนอก พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ 5.น.ส. มัลลิกา ศิริสุวรรณ พยาบาลวิชาชีพ ปฏิบัติการ 6.น.ส. ธนพร ดุลยเกียรติ พยาบาลวิชาชีพ ปฏิบัติการ 7.น.ส. วิธิตา ภูตเขต พยาบาลวิชาชีพ ปฏิบัติการ
ซึ่งทั้งหมดจะเดินทางเพื่อสนับสนุนภารกิจดูแลรักษา ผู้ป่วยโควิด-19 ณ โรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 – 10 มิถุนายน 2564 ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 7 ท่านได้สมัครใจอาสาลงพื้นที่ โดยมีการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งฝึกการปฏิบัติตัวเมื่อเข้าพื้นที่ การทบทวนและฝึกทักษะการป้องกันการแพรกระจายเชื้อในการดูแลผู้ป่วยกลุ่ม COVID-19 / การใส่-ถอดชุด PPE cover all และการฝึกปฏิบัติการใช้เครื่อง PAPR โดยทีมงาน IC และทีม EMS Refer และรับทราบแนวทางการปฏิบัติตัวของบุคลากร หลังสัมผัสผู้ป่วย COVID -19 ซึ่งพร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชนและร่วมแก้ไขสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาลบุษราคัม และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ตามเป้าหมาย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะถูกกักตัว 14 วันในพื้นที่พิเศษ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 จนมั่นใจว่าร่ายกายปลอดเชื้อ สมบูรณ์ แข็งแรง จึงจะสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติต่อไป
ทั้งนี้ โรงพยาบาลบุษราคัม จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุข ใช้พื้นที่ภายในอาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกคนได้รับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะผู้ป่วยสีเหลือง ที่แสดงอาการน้อยถึงปานกลาง ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดอาการรุนแรง ลดการเสียชีวิตได้